สวัสดีครับผม เป็นรีวิวแรกนะครับมีอะไรก็แนะนำติดชม เพื่อ ต่อยอดได้ตามสะดวกครับผม
เมื่อปลายเดือนมีนาคม 58 ได้จังหวะดีตั๋วการบินไทยลดครึ่งราคา
โปรแกรมเนปาล ที่วางไว้ปลายปีเลยมาก่อนำหนดครับ "เนปาล" รู้จักเพียงภูเขาหิมะ
ที่สูงที่สุดในโลก ประเทศที่สนามบินลงจอดอยากที่สุด คนตาโตๆ คนผิวเข้มๆ กลิ่นตัวแรงๆ
อาหารเครื่องเทศจัดๆมันๆ ต้องระวังการ

จากบนตึกลงสู่ถนน มาเฟียสนามบิน
อื่ม ก็ยังถามตัวเองอยู่แล้วจะไปทำไมกันนี่...
แต่ที่เท่าที่ดูจากรีวิวต่างๆแล้วล่ะครับ มีอะไรมากมายให้น่าลอง น่าค้นหา บางอย่างที่พบเจอก็แปลก
จนแทบไม่น่าเชื่อ แต่ก็ต้องเชื่อ เชื่อผมเถอครับ...
จากก้าวแรก เหยียบย่างสู่ดินแดนแห่งเทพเจ้า ความรู้สึกความคิดเดิมยังเกาะกินอยู่
จากก้าวสุดท้าย ที่ยกขึ้นสู่สายการบินไทย ความรู้สึกที่เกาะกินแต่เริ่มมา....
ไม่รู้ว่าเอาไปลืมทิ้งไว้ที่ไหน...ได้แต่สัญญากับตัวเองว่า จะกลับมาอีกครั้งเป็นแน่...
ไปนั่งซ้าย กลับนั่งขวา...เหมือนจะไปคำบอกเล่าส่งต่อจากคนเดินทางรุ่นก่อนๆสู่รุ่นต่อไป
หุบเขาไกลสุดตาต้อนรับทักทาย ก่อนที่หัวใจจะเต้นแรงอีกครั้งกับสิ่งที่เกาะกินมา
สนามบิน สนามบินตรีภูวัน สนามบินที่ลงจอดยากที่สุดแห่งหนึ่ง เครื่องร่อนไปร่อนมาระหว่างลดเพดานบิน
นาขั้นบันไดอยู่ริมกระจก ตึกอาคารหนาแน่นขนัด โอ้ๆๆๆ ถ้าจะมาผิดที่เสียแล้วล่ะมั้งเรา
ใครหนอช่างรีวิวภาพไว้ สุดเริ่ด อลังการ ป่านนั้น
หลังจากผ่านการตรวจคนเข้าเมืองชนิดที่แทบถอดออกหมดตัว ตรวจกระเป๋าแล้วตรวจอีก
อยากจะบอกจริงๆ ว่าฉันนี่ ตรวจมาแล้วก่อนขึ้นเครื่องแล้วก็ไม่ได้ลงไปหา ซื้อหงอคงที่นะนายจ๋า
กว่าจะหลุออกได้นี่ก็เมื่อยมือเลยครับ
เมื่อรถของโรงแรงที่จองไว้มารับและเอาของไปเก็บที่หมายเเรกของคณะเรา ก็คือ เจดีย์สยัมภูวนาถ หรือที่ ใครชอบเรียกว่าวัดลิงครับ
เดินขึ้นมาเรื่อยๆจุดถึงชั้นสุดท้าย ก็พบกับเจดีย์ทรงลังกาสีขาวขนาดใหญ่ บนยอดทั้งสีทิศมีดวงเนตรทั้งสี่ทิศ
เป็นเจดีย์ที่เก่าแก่กว่า 200 ปี และขึ้นทะเบียนมรดกโลกด้วยครับ
ด้านบนมองเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ของ เมืองกาฐมัณฑุ เมืองที่ถูกโอบล้อมด้วยขุนเขา
แอ่งกระทะของชุมชนชาวเนวาร์ ที่สร้างสรรค์ผลงานสุดคลาสสิคเอาไว้ครับ
ไหนๆมาถึงที่ วัดลิง แล้วก็ต้องมองหาลิงก่อนครับผม ไม่นานก็เจอเจ้าถิ่นเเล้วครับ
ในที่รับฟังมาต้องคอยระแวดระวังเจ้าถิ่นมาแอบทักทาย หรือ ตีสนิทแอบหยิบของครับ
แต่ในครั้งนี้ต้องประหลาดใจเจ้าถิ่นหายไปไหนกันหมด
เหมือนจะมีอะไรที่รู้ก่อนหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้นครับ
รอบๆเจดีย์ก็จะมี กงล้อมนต์ตรา อยู่ รอบๆเจดีย์ทั้งหมดครับ ที่ทราบมา
หากเรา หมุนกงล้อมนต์ตราด้วยใจที่ศรัทธา 1 รอบเท่ากับสวดมนต์ 108 จบ
ถ้าเดินหมุน 3 รอบจะเท่ากับเราสวดมนต์เป็นพันๆจบเลยเชียวครับ
แล้วสิ่งที่ผมบอกว่าแปลกก็พบที่นี่เป็นที่เเรกเลยครับ
ผมเข้าใจว่าหญิงคนนี้ จากการแต่งตัว และที่หน้าผาก ผมคิดว่าเขานับถือ ฮินดูแน่...
แต่ไงมาหมุนกงล้อของพุทธได้ รึจะสวดแบบลัดบทมนต์แบบอินดู ให้ได้ 1000 ๆจบ
เทพพระเจ้าจะได้ประทานพร เป็นไปได้มั้ยครับ
แต่ที่ผมเห็นก็มีหลายๆคนนะครับพาลูกหลานมาเดินหมุนกงล้อมนต์ตรานี้ เด็กก็สนุกไปล่ะครับ
สิ่งที่ผมเห็นคือ ศาสนาฮินดู และ พุทธ อยู่ร่วมกันแบบกลมกลืน คนพุทธกราบไหว้ศิวลึงค์และเทพเจ้า
คนอินดู บูชาสถูปเจดีย์ต่างๆ
ด้านข้างของเจดีย์มีวิหารสองชั้นๆล่างมี ชาวเนปาลมาขายเทียนบูชาแบบบ้านเราครับ
ใช้จุดบูชาทั้ง ฮินดู และ พุทธ ได้ทั้งสองเลยครับแต่แยกกันคนล่ะที่
เห็นมั้ยครับว่าที่นี่ มีอะไรที่ไม่น่าเชื่อ ก็ต้องเชื่อ อยู่อีกมากแล้วผมจะพาไปดูนะครับ
หลังจากอยู่ที่นี่จนเริ่มมืดก็เริ่มจะหิวนะครับ จึงรีบเดินทางเข้าเมืองลืมบอกไปว่าคณะของเราพักที่ ย่านทาเมล์ครับ
ย่านนี้คล้ายตรอกข้าวสารบ้านเราเลยครับ ศูนย์รวมที่พัก อาหาร ของใช้ มีครบครับ
บริษัทิ์ทัวร์ต่างๆมากมายเรียกว่า เดินต่อราคากันได้ทั้งวันครับผม
และแล้วผมก็เหลือบมองเห็น ที่บอกไว้ว่าเกาะกินในความคิดผมมา
แต่ไม่ใช่ผู้ใหญ่ ตาโตๆ ผิวคล้ำๆ กินตัวแรงๆ นะครับ...
เห็นปุ๊บใจละลายเลยครับ
นี่เพียงแค่วันแรกมีอะไรให้แปลกใจได้ขนาดนี้...
ผมล่ะชักจะลังเลซะแล้ว ว่าจะฟังผิดมาเป็นแน่ครับ
ไว้มาต่อนะครับผม
[CR] นมัสเตเนปาล "บันทึกความทรงจำ ดีๆ ก่อนวันธรณีพิบัติ"
เมื่อปลายเดือนมีนาคม 58 ได้จังหวะดีตั๋วการบินไทยลดครึ่งราคา
โปรแกรมเนปาล ที่วางไว้ปลายปีเลยมาก่อนำหนดครับ "เนปาล" รู้จักเพียงภูเขาหิมะ
ที่สูงที่สุดในโลก ประเทศที่สนามบินลงจอดอยากที่สุด คนตาโตๆ คนผิวเข้มๆ กลิ่นตัวแรงๆ
อาหารเครื่องเทศจัดๆมันๆ ต้องระวังการ
อื่ม ก็ยังถามตัวเองอยู่แล้วจะไปทำไมกันนี่...
แต่ที่เท่าที่ดูจากรีวิวต่างๆแล้วล่ะครับ มีอะไรมากมายให้น่าลอง น่าค้นหา บางอย่างที่พบเจอก็แปลก
จนแทบไม่น่าเชื่อ แต่ก็ต้องเชื่อ เชื่อผมเถอครับ...
จากก้าวแรก เหยียบย่างสู่ดินแดนแห่งเทพเจ้า ความรู้สึกความคิดเดิมยังเกาะกินอยู่
จากก้าวสุดท้าย ที่ยกขึ้นสู่สายการบินไทย ความรู้สึกที่เกาะกินแต่เริ่มมา....
ไม่รู้ว่าเอาไปลืมทิ้งไว้ที่ไหน...ได้แต่สัญญากับตัวเองว่า จะกลับมาอีกครั้งเป็นแน่...
ไปนั่งซ้าย กลับนั่งขวา...เหมือนจะไปคำบอกเล่าส่งต่อจากคนเดินทางรุ่นก่อนๆสู่รุ่นต่อไป
หุบเขาไกลสุดตาต้อนรับทักทาย ก่อนที่หัวใจจะเต้นแรงอีกครั้งกับสิ่งที่เกาะกินมา
สนามบิน สนามบินตรีภูวัน สนามบินที่ลงจอดยากที่สุดแห่งหนึ่ง เครื่องร่อนไปร่อนมาระหว่างลดเพดานบิน
นาขั้นบันไดอยู่ริมกระจก ตึกอาคารหนาแน่นขนัด โอ้ๆๆๆ ถ้าจะมาผิดที่เสียแล้วล่ะมั้งเรา
ใครหนอช่างรีวิวภาพไว้ สุดเริ่ด อลังการ ป่านนั้น
หลังจากผ่านการตรวจคนเข้าเมืองชนิดที่แทบถอดออกหมดตัว ตรวจกระเป๋าแล้วตรวจอีก
อยากจะบอกจริงๆ ว่าฉันนี่ ตรวจมาแล้วก่อนขึ้นเครื่องแล้วก็ไม่ได้ลงไปหา ซื้อหงอคงที่นะนายจ๋า
กว่าจะหลุออกได้นี่ก็เมื่อยมือเลยครับ
เมื่อรถของโรงแรงที่จองไว้มารับและเอาของไปเก็บที่หมายเเรกของคณะเรา ก็คือ เจดีย์สยัมภูวนาถ หรือที่ ใครชอบเรียกว่าวัดลิงครับ
เดินขึ้นมาเรื่อยๆจุดถึงชั้นสุดท้าย ก็พบกับเจดีย์ทรงลังกาสีขาวขนาดใหญ่ บนยอดทั้งสีทิศมีดวงเนตรทั้งสี่ทิศ
เป็นเจดีย์ที่เก่าแก่กว่า 200 ปี และขึ้นทะเบียนมรดกโลกด้วยครับ
ด้านบนมองเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ของ เมืองกาฐมัณฑุ เมืองที่ถูกโอบล้อมด้วยขุนเขา
แอ่งกระทะของชุมชนชาวเนวาร์ ที่สร้างสรรค์ผลงานสุดคลาสสิคเอาไว้ครับ
ไหนๆมาถึงที่ วัดลิง แล้วก็ต้องมองหาลิงก่อนครับผม ไม่นานก็เจอเจ้าถิ่นเเล้วครับ
ในที่รับฟังมาต้องคอยระแวดระวังเจ้าถิ่นมาแอบทักทาย หรือ ตีสนิทแอบหยิบของครับ
แต่ในครั้งนี้ต้องประหลาดใจเจ้าถิ่นหายไปไหนกันหมด
เหมือนจะมีอะไรที่รู้ก่อนหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้นครับ
รอบๆเจดีย์ก็จะมี กงล้อมนต์ตรา อยู่ รอบๆเจดีย์ทั้งหมดครับ ที่ทราบมา
หากเรา หมุนกงล้อมนต์ตราด้วยใจที่ศรัทธา 1 รอบเท่ากับสวดมนต์ 108 จบ
ถ้าเดินหมุน 3 รอบจะเท่ากับเราสวดมนต์เป็นพันๆจบเลยเชียวครับ
แล้วสิ่งที่ผมบอกว่าแปลกก็พบที่นี่เป็นที่เเรกเลยครับ
ผมเข้าใจว่าหญิงคนนี้ จากการแต่งตัว และที่หน้าผาก ผมคิดว่าเขานับถือ ฮินดูแน่...
แต่ไงมาหมุนกงล้อของพุทธได้ รึจะสวดแบบลัดบทมนต์แบบอินดู ให้ได้ 1000 ๆจบ
เทพพระเจ้าจะได้ประทานพร เป็นไปได้มั้ยครับ
แต่ที่ผมเห็นก็มีหลายๆคนนะครับพาลูกหลานมาเดินหมุนกงล้อมนต์ตรานี้ เด็กก็สนุกไปล่ะครับ
สิ่งที่ผมเห็นคือ ศาสนาฮินดู และ พุทธ อยู่ร่วมกันแบบกลมกลืน คนพุทธกราบไหว้ศิวลึงค์และเทพเจ้า
คนอินดู บูชาสถูปเจดีย์ต่างๆ
ด้านข้างของเจดีย์มีวิหารสองชั้นๆล่างมี ชาวเนปาลมาขายเทียนบูชาแบบบ้านเราครับ
ใช้จุดบูชาทั้ง ฮินดู และ พุทธ ได้ทั้งสองเลยครับแต่แยกกันคนล่ะที่
เห็นมั้ยครับว่าที่นี่ มีอะไรที่ไม่น่าเชื่อ ก็ต้องเชื่อ อยู่อีกมากแล้วผมจะพาไปดูนะครับ
หลังจากอยู่ที่นี่จนเริ่มมืดก็เริ่มจะหิวนะครับ จึงรีบเดินทางเข้าเมืองลืมบอกไปว่าคณะของเราพักที่ ย่านทาเมล์ครับ
ย่านนี้คล้ายตรอกข้าวสารบ้านเราเลยครับ ศูนย์รวมที่พัก อาหาร ของใช้ มีครบครับ
บริษัทิ์ทัวร์ต่างๆมากมายเรียกว่า เดินต่อราคากันได้ทั้งวันครับผม
และแล้วผมก็เหลือบมองเห็น ที่บอกไว้ว่าเกาะกินในความคิดผมมา
แต่ไม่ใช่ผู้ใหญ่ ตาโตๆ ผิวคล้ำๆ กินตัวแรงๆ นะครับ...
เห็นปุ๊บใจละลายเลยครับ
นี่เพียงแค่วันแรกมีอะไรให้แปลกใจได้ขนาดนี้...
ผมล่ะชักจะลังเลซะแล้ว ว่าจะฟังผิดมาเป็นแน่ครับ
ไว้มาต่อนะครับผม